

สมเด็จวัดระฆัง ทรายเงินทรายทอง
ใน “หนังสือพระสมเด็จฯ” ของ อ.ตรียัมปวาย
“หนังสือพระสมเด็จฯ” เป็นหนังสือที่เรียบเรียงโดย พ.อ.ผจญ กิตติประวัติ หรือ อ.ตรียัมปวาย ผู้บัญญัติศัพท์เบญจภาคี อันโด่งดัง เป็นหนังสือเชิงวิชาการรวบรวมชีวประวัติของสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี และตำนานการสร้างพระสมเด็จฯ โดยกล่าวไว้ทั้งสามวัดอย่างละเอียด พร้อมด้วยรูปภาพประกอบ (ขาว-ดำ) ทั้งนี้ พ.ต.ท.สรารักษ์ กิตติประวัติ บุตรชาย อ.ตรียัมปวาย มีการรวมเนื้อทั้งหมดไว้ในหนังสือ “พระสมเด็จฯ ตำราพิจารณาพระสมเด็จฯ เล่มแรกของประเทศไทย” โดยสำนักพิมพ์ไทภูมิ จำกัด พิมพ์ครั้งที่ ๗ เมื่อ พ.ศ.๒๕๔๖
“พระสมเด็จวัดระฆัง พิมพ์ใหญ่ที่มีส่วนผสมของทรายเงินทรายทอง” เป็นข้อถกเถียงของผู้สะสมพระชุดเบญจภาคี ทั้งนี้เมื่อหลายสิบปีก่อนมีปูชนียบุคลในวงการพระเครื่องท่านหนึ่งเคยครอบครองพระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่ที่มีส่วนผสมของแร่ทองคำเนื้อเก้า (ทองคำเนื้อสุก) และแร่ทองบางสะพานซึ่งเป็นการสร้างให้เจ้านายผู้สูงศักดิ์รวมทุกพิมพ์น่าจะไม่เกิน ๔๐ องค์ สิ่งหนึ่งที่น่าสนใจคือ มีการเขียนมูลค่าของพระสมเด็จองค์นี้ในพินัยกรรมว่าห้ามขายในราคาต่ำกว่า ๖๐ ล้านบาท
ในตำราพิจารณาพระสมเด็จฯ เล่มแรกของประเทศไทยที่เขียนโดย อ.ตรียัมปวาย เขียนถึงหลักในการพิจารณาเนื้อพระสมเด็จมูลลักษณะรอง คือ มูลฐานลักษณะที่ไม่ปรากฏเด่นชัด และบางประการอังไม่ปรากฏก็ได้ ดังนี้ ๑.ความแกร่ง เป็นลักษณะของความแกร่งที่แฝงอยู่ภายในโครงสร้างของเนื้อ ส่วนผิวเนื้อภายนอกจะปรากฏแต่ความนุ่มโดยตลอด ๒.น้ำหนักปกติจะมีความอิ่มตัวพอประมาณ ซึ่งหมายถึงน้ำหนักอยู่ในเกณฑ์ปานกลาง หรือค่อนข้างมาก นอกจากจะเป็นองค์ที่สันฐาน บอบบาง ๓.ทรายเงินทรายทอง มีปรากฏเป็นส่วนน้อยและปริมาณน้อยมาก และ ๔.รักเก่า ทองเก่า มีปรากฏบ้าง
“มูลกรณีทรายเงินทรายทอง” ตรียมปวาย เขียนอธิบายไว้ในหน้าที่ ๔๐๔ ว่าเป็นอิทธิวัสดุซึ่งได้กล่าวไว้แล้วในมูลกรณีของเนื้อ ทั้งนี้คตินิยมของการสร้างพระศักรพุทธปฏิมาสืบเนื่องมาจากโบราณไม่ว่าจะเป็นพระเนื้อโลหะหรืออโลหะก็ตาม มักจะเจือด้วยธาตุทองคำและเงินบริสุทธิ์เสมอ โดยถือว่าเป็นสินแร่ตระกูลสูงกว่าสามัญโลหะทั้งหลาย มีความศักดิ์สิทธิ์อิทธิพลโดยธรรมชาติที่เรียกว่า “ตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้” นำมารีดเป็นแผ่นแล้วประสิทธิ์ด้วยพระยันต์ ๑๐๘ และนะปถมัง ๑๘ เป็นต้น แล้วจึงตะไบออกเป็นเกล็ดเป็นผง เจือผสมลงในมวลสารของเนื้อเป็นอิทธิวัสดุ
นอกจากนี้หน้าที่ ๔๐๓ เขียนถึง “ทรายเงินทรายทอง” ไว้ว่า ทรายเงินทรายทอง คือ ผงตะใบจากแผ่นเงินแผ่นทองลงคุณพระ มีลักษณะเป็นผงที่ละเอียดมาก และเป็นมวลสารที่ปรากฏตัวน้อยที่สุด สังเกตเห็นได้เพียงบางองค์เท่านั้น สำหรับองค์ที่ปรากฏก็มีเพียงเกล็ดสองเกล็ดเท่านั้นเป็นอย่างมาก เพราะอาจจะจมอยู่ในเนื้อลึก หรือมิเช่นนั้นก็เป็นส่วนที่ใช้เจือผสมเนื้อเพียงเล็กน้อยมาแต่เดิม และที่ปรากฏมีของวัดระฆังเป็นส่วนมาก สำหรับบางขุนพรหมปรากฏน้อยมาก
สมเด็จวัดระฆัง ซึ่งมีแร่ทองบางสะพานฝังอยู่ทั้งด้านหน้าและด้านหลังนั้น จัดเป็นพระสมเด็จที่ว่ากันว่าหายากมาก เข้าใจว่ามีการจัดสร้างจำนวนน้อยมากๆ นับจากเวลาการสร้างพระสมเด็จเกือบสองทศวรรษแล้ว ถ้าจะเหลือคงเหลืออยู่ในความครอบครองของผู้สืบสกุลจากบรรดาเจ้านายชั้นสูงในสมัยก่อนเท่านั้น
พระสมเด็จวัดระฆังจักรพรรดิแห่งพระเครื่องในชุดที่กล่าวถึงนี้ เป็นที่ใฝ่ฝันของมหาชนผู้ที่จะครอบครองได้จะต้องมี ๓ ถึง คือ ๑.บุญบารมีต้องถึง ๒.เงินต้องถึง และ ๓.ใจต้องถึง ขาดสิ่งใดก็ไม่มีสิทธิ์ เมืองไทยคนมีเงินมีมากแต่ขาดบุญบารมีจึงไม่มีสิทธิ์ครอบครอง
ขอขอบคุณภาพ “สมเด็จวัดระฆัง พิมพ์ใหญ่” จากนายสุขธรรม ปานศรี หรือ “เฮียกุ่ย” เจ้าของ WWW.SOONPRARATCHADA.COM” ใครอยากชมองค์จริงโทรศัพท์สอบถามได้ที่ โทร.๐๘-๑๘๑-๗๗๗๗๗